รับประทานอาหารที่โกเบ เพื่อสัมผัสกับ "โลกตะวันตก" ของญี่ปุ่น
เมื่อทอดสายตาไปข้างหน้าก็จะพบกับทะเลที่เป็นประตูเปิดรับวัฒนธรรมจากต่างชาติเบื้องหลังนั้นเป็นกลุ่มเทือกเขาร๊อคโคที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความเขียวขจีของแมกไม้ เมืองโกเบที่ล้อมรอบด้วยความงามของทะเลและภูเขานั้นทำให้บ้านเมืองและบรรยากาศก็พลอยสดใสไปด้วย รู้สึกได้ถึงความมีรสนิยมไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างบ้านเรือน,โชว์วินโดว์ของร้านค้าและแฟชั่นของผู้คนที่เดินขวักไขว่ในเมืองก็ตาม เป็นเมืองที่มีรสนิยมสูงอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นก็ว่าได้ อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้อยากจะลองสัมผัสประสบการณ์ที่โกเบแห่งนี้ก็คือ "อาหาร" น้ำที่ไหลผุดออกมาจากเทือกเขาร๊อคโคนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ นำความได้เปรียบจากการที่เป็นพื้นที่"ชุมทางแห่งอาหารของวัฒนธรรมของโลกตะวันตกและตะวันออก"นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ด้วยลักษณะนิสัยรักความท้าทายของคนโกเบที่มีอย่างเต็มเปี่ยมนั้นก็ได้สร้างสรรค์เป็นอาหาร "Made in Kobe" ขึ้นมา ซึ่งท่านไม่ควรพลาด อาหารดั้งเดิมที่สืบทอดตามขนบธรรมเนียมประเพณีของญี่ปุ่นก็ดีแต่การที่ได้ลิ้มรสอาหาร "Made in Kobe" ที่โกเบนี้เป็นรูปแบบใหม่ของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ไปสืบหา "ขนมปังและของหวาน", "Kobe Beef", "เหล้าสาเกนาดะ"ซึ่งล้วนเป็นอาหารแบรนด์โกเบที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้นิยมชมชอบอาหารต่างชาติกันเถอะ!
ขนมปังและของหวาน "Made in Kobe" ที่วิวัฒนาการล้ำหน้ารสชาติต้นตำรับ
โกเบคือประตูแห่งวัฒนธรรมการรับประทานขนมปังของญี่ปุ่น วัฒนธรรมการรับประทานขนมปังและของหวานของโกเบนั้น เริ่มขึ้นมาจากการที่มีร้านค้าจำหน่ายขนมปังและของหวานเกิดขึ้นเพื่อสนองตอบต่อชาวตะวันตกที่ได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยในครั้งที่มีการเปิดท่าเรือโกเบเมื่อปี ค.ศ. 1868 เพื่อให้ชาวตะวันตกเหล่านี้ได้รับรู้ถึงรสชาติอาหารดั้งเดิม ช่างทำขนมปังก็ได้ทำการศึกษาและค้นคว้ามาโดยตลอดทำให้ได้รสชาติที่มีระดับคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ และรสชาติแห่งความอร่อยนี้ยังได้ซึมลึกเข้าไปยังชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในโกเบนี้อีกด้วย
"โกเบ มีลักษณะนิสัยกระตือรือร้นในการรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาตั้งแต่ในอดีตโบราณ เนื่องจากเป็นเมืองท่าเรือจึงสามารถซื้อหาวัตถุดิบอาหารของตะวันตกเช่นแป้งสาลี,เนยและอื่นๆได้ง่าย อีกทั้งยังมีผลไม้และผักที่ผลิตได้ในท้องถิ่นอีกด้วย คิดว่าช่างทำขนมปังทั้งหลายในสมัยนั้น ก็คงนำข้อได้เปรียบของพื้นที่นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ท้าทายที่จะทำขนมปังอร่อยๆขึ้นมาไม่แพ้รสชาติดั้งเดิมเป็นแน่"ผู้ที่กล่าวนี้คือคุณฮายาชิแห่งร้าน "patisserie mont plus" เจ้าของร้านและหัวหน้ากุ๊กทำขนมอบปาติซิเยร์(Patissier) ผู้ซึ่งก่อตั้งร้านใน"เขตพื้นที่ที่ครอบคลุมอยู่ในสิทธิสภาพนอกอาณาเขตตามสนธิสัญญาที่รัฐบาลสมัยเอโดะทำกับ5ประเทศ"เมืองแห่งแฟชั่นที่สวยงามในโกเบ ซึ่งอบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ได้รับการขัดเกลามาอย่างดี เขตพื้นที่ที่ครอบคลุมอยู่ในสิทธิสภาพนอกอาณาเขตตามสนธิสัญญาที่รัฐบาลสมัยเอโดะทำกับ5ประเทศซึ่งเป็นประตูบ้านของโกเบและอยู่ใกล้กับทั้งสถานีรถไฟโมโตะมาจิและสถานีรถไฟซันโนะมิยะนั้น เป็นเขตที่ชาวตะวันตกดำเนินชีวิตอยู่ในสมัยเปิดท่าเรือนั้น ในบรรดาร้านเบเกอรี่และร้านขนมหวาน( patisserie )ที่มีอยู่ในโกเบถึงกว่า 900 ร้านนั้นจะมารวมตัวกันอยู่ในเขตพื้นที่นี้ ถ้าท่านได้มายืนอยู่ท่ามกลางเมืองที่มีร้านที่ได้มีการตกแต่งเปลี่ยนรูปโฉมบ้านสไตล์ยุโรปในสมัยนั้นใหม่ให้เป็นแบบโมเดิร์นที่ตั้งเรียงรายนั้นแล้วล่ะก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าได้หลงมาอยู่ในเมืองของยุโรปเลยทีเดียว
 |  |
ความภาคภูมิใจที่มีต่อวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่พิเศษสุด การต้อนรับขับสู้ต่อผู้มาเยือนกับสไตล์โกเบ
"Kobe Beef" ก็เป็นอาหารที่ถือเป็นสัญลักษณ์ที่โกเบเน้นเป็นสำคัญเช่นเดียวกัน ความอร่อยและความรู้สึกอิ่มเอมหลังจากลิ้มรสชาติความอร่อยนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับในหมู่นักชิมอาหารของโลก วงการสื่อสารของอเมริกาได้เลือกให้เนื้อวัวญี่ปุ่น(วากิว)เป็นท๊อปแบรนด์ใน "อาหาร 9 ชนิดที่แพงที่สุดในโลก" เช่นเดียวกับไข่ปลาคาเวียร์และเห็ดทรัฟเฟิลขาวเดิมทีKobe Beefนั้นเป็นเนื้อวัวชนิดพิเศษ แม้จะเป็นวัวที่อยู่ในพันธุ์วัวทาจิมะแท้ที่เกิดและเจริญเติบโตอยู่ในจังหวัดเฮียวโกะก็ตาม วัวที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในเรื่องปริมาณไขมันแทรก,คุณภาพเนื้อ,น้ำหนักของเนื้อวัวเมื่อผ่าแยกเป็น2ส่วนและอื่นๆเนื้อวัวที่ผ่านการคัดแยกเกรดที่มีระดับเกินค่ามาตรฐานเท่านั้นที่จะได้ชื่อว่าเป็นKobe Beef เชฟอาซึซาวะแห่งร้าน "KOBE PLAISIR" กล่าวว่า "ถึงแม้จะเป็นวัวทาจิมะที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ปราศจากความเครียดก็ตาม แต่เนื้อวัวที่ได้รับการยอมรับเป็นเนื้อวัวโกเบนั้นมีไม่ถึงครึ่งหนึ่ง เนื้อวัวโกเบนั้นเป็นที่ถูกขนานนามว่าเป็นเนื้อวัวในระดับชั้นดีเลิศจริงๆ" Kobe Beefที่ได้จากวัวที่รักษาสายพันธุ์และได้รับการเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีนั้น เชฟของโกเบจะเป็นผู้นำมาปรุงเป็นอาหารชั้นเลิศด้วยความภาคภูมิใจ
Kobe Beefที่เชฟอาซึซาวะบรรจงนำออกมาจากตู้เย็นนั้นมีไขมันที่มีเนื้อละเอียดราวกับหินอ่อนที่เรียกว่าซาชินั้นดูสวยงามมาก เผลอจ้องมองจนลืมตัว พอรู้สึกตัวความสดใสเป็นมันวาวของไขมันก็เริ่มละลาย "เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเป็นไขมันคุณภาพเยี่ยมเลยทีเดียว วิธีรับประทานเนื้อที่อร่อยที่สุดก็คือการย่างเนื้อสเต็กหนาๆบนเตาแผ่นเหล็ก ท่านจะได้ลิ้มรสชาติความหวานอร่อยของเนื้อสเต็กและความชุ่มฉ่ำของไขมันได้อย่างอิ่มเอมและเป็นที่พึงพอใจ"
Kobe Beefที่ถูกย่างอยู่บนเตาแผ่นเหล็กเริ่มส่งกลิ่นหอมหวลน่ารับประทาน เมื่อเวลาแห่งการรอคอยที่จะได้ลิ้มรสเนื้อที่ย่างพอเหมาะโดยฝีมือของเชฟผู้เชี่ยวชาญนั้นมาถึง ซึ่งนั่นก็คือความสุขที่หาใดเปรียบ รูปแบบการย่างเนื้อบนเตาแผ่นเหล็กแบบ"TEPPAN YAKI"มีที่โกเบนี้เช่นกัน ช่วงห่างระหว่างลูกค้ากับเชฟนั้นอยู่ใกล้กัน ทำให้บางทีก็ให้เชฟรับฟังคำปรึกษาได้ Kobe Beefในแต่ละส่วนจะมีรสชาติและความอร่อยที่แตกต่างกันไปเมื่อได้แตะลิ้น ในจำนวนลูกค้าขาประจำนั้นมีลูกค้าบางท่านอยากจะลองรับประทานเนื้อส่วนอื่นบ้างสักคำหนึ่ง รับประทานเปรียบเทียบกันไม่ว่าจะเป็นเนื้อส่วนสะโพก,เนื้อสันใน,สันสะโพกและอื่นๆที่แยกเรียกชื่อเนื้อในส่วนต่างๆ ลูกค้าชาวต่างชาติก็มี" จริงอยู่ที่สนนราคานั้นเป็นไปตามคุณภาพของเนื้อ แต่การที่ได้มาลิ้มลองรสชาติเนื้อวัวโกเบที่ร้านอาหารสเต็กของแท้แล้วล่ะก็น่าจะเป็นความทรงจำที่เหมาะที่สุดที่จะเป็นจุดหลักในการมาท่องเที่ยวโกเบแห่งนี้ ถ้าอยากจะหาความเพลิดเพลินที่ง่ายไปกว่านี้ล่ะก็เชิญท่านลองลิ้มรสมันบดไส้เนื้อวัวสับชุบแป้งขนมปังทอด(บีฟโคร๊อกเกะ)ที่ร้านKobe Beef ทอดใหม่ๆร้อนๆซื้อเทคเอาท์ได้ จะไปรับประทานนอกร้านหรือนั่งรับประทานตามสวนสาธารณะก็ได้ซึ่งเป็นวิถีการหาความเพลิดเพลินอีกอย่างหนึ่งที่ทำได้เพราะเป็นโกเบน้ำรสชาติดีและเมล็ดข้าวที่เลือกสรร ภูมิประเทศดินฟ้าอากาศและฝีมือช่างผู้เชี่ยวชาญ ก่อให้เกิดเป็น "เหล้าสาเกนาดะ"
โกเบได้สืบสานวัฒนธรรมของอาหารที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีของญี่ปุ่นมาโดยตลอด อาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่ใช้สัตว์ทะเลที่ได้จากทะเลเซโตะไนไคและผักที่เก็บเกี่ยวได้จากท้องถิ่นนำมาประกอบอาหารนั้นก็คือการสืบสานวัฒนธรรมดังกล่าวนั่นเอง เหล้าสาเกญี่ปุ่นนั้นเหมาะสมกับอาหารสไตล์ญี่ปุ่นอย่างแน่นอนอยู่แล้ว หากท่านต้องการเหล้าสาเกญี่ปุ่นที่เข้ากันได้ดีกับอาหารตะวันตกแล้วล่ะก็เสาะหาได้จากแบรนด์โกเบ
แหล่งกำเนิดเหล้าสาเกญี่ปุ่นของโกเบก็คือ เขต "นาดะ" ที่มีตำแหน่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเมืองโกเบ เมื่อลงรถที่ "สุมิโยชิ" บริเวณใกล้ๆการรถไฟฮันชิน จากซันโนะมิยะเดินทางเพียง 10 นาทีเท่านั้นบ้านเมืองที่เรียงรายนั้นจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งปลูกสร้างผนังสีขาวที่ใช้ดินฉาบผนังเพื่อความทนไฟตามการก่อสร้างสไตล์ญี่ปุ่นโบราณของโรงต้มเหล้าที่มีชื่อเสียง(ผู้ผลิตเหล้าสาเกญี่ปุ่น)และโรงหมักเหล้าที่มุงด้วยกระเบื้องหลังคาสีแดงปลูกสร้างอยู่เรียงราย
สามารถค้นคว้าข้อมูลเพื่อได้เข้าใกล้ถึงประวัติศาสตร์เหล้าสาเกญี่ปุ่นและกรรมวิธีการผลิตได้ที่พิพิธภัณฑ์ข้อมูล ซึ่ง"ฮาคุซึรุชุโซชิเรียวคัง" ก็เป็นแหล่งข้อมูลแห่งหนึ่ง มีการใช้หุ่นขี้ผึ้งจำลองการทำเหล้าสาเกโดยใช้วัสดุอุปกรณ์ในสมัยก่อน และมีแผ่นพับอธิบายขั้นตอนกรรมวิธีการทำอย่างเข้าใจได้โดยง่ายเป็นภาษาอังกฤษ,ภาษาจีน(อักษรจีนตัวย่อ),ภาษาเกาหลีซึ่งเตรียมพร้อมไว้ นักท่องเที่ยวก็สามารถทัศนศึกษาได้อย่างสนุกสนานเพลิดเพลินอีกด้วย
"กรรมวิธีลับเฉพาะที่ช่างฝีมือได้สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน จะปราศจากการทำเหล้าสาเกนาดะไปไม่ได้ นาดะนั้นใช้น้ำที่ดีจากเทือกเขาร๊อคโค,ข้าวที่ใช้ทำเหล้าสาเกโดยเฉพาะซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งผลิตข้าวยามาดะนิชิคิ เมื่อฤดูหนาวของช่วงที่ดีที่สุดในการบ่มเหล้าสาเกมาถึง ความเยือกเย็นและแห้งของลมหนาวที่พัดลงมาจากเทือกเขาร๊อคโคนั้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เหมาะที่สุดในการทำเหล้าสาเก" (ผู้ผลิตเหล้าสาเก คุณฟูจิคิกล่าว) รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครของเหล้าสาเกนั้นขึ้นอยู่กับแหล่งที่ทำการผลิตเช่นเดียวกันกับการผลิตไวน์ "เหล้าสาเกนาดะจะมีรสเผ็ดร้อน รู้สึกถึงความอร่อยของรสชาติเหล้าสาเกอย่างแท้จริงจนได้รับการขนานนามว่าเป็นเหล้าสาเกผู้ชาย" สามารถเพลิดเพลินกับเหล้าสาเกผู้ชายนี้และเหล้าบริสุทธ์ที่ไม่ได้เติมน้ำเพื่อลดดีกรีของแอลกอฮอล์ที่สกัดมาใหม่ๆได้ที่มุมทดลองชิม นอกจากนี้ยังมีเหล้าบ๊วยที่เป็นที่นิยมในต่างประเทศอีกด้วย มีลูกค้าจำนวนมากที่มาซื้อหาเป็นของฝาก"สิ่งสุดท้ายที่เป็นตัวกำหนดความเป็นเหล้าสาเกที่ดีในกรรมวิธีการทำเหล้าสาเกก็คือประสาทสัมผัสของมนุษย์ สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการตรวจสอบในเรื่องวัตถุดิบและภูมิอากาศอย่างแน่นอนประกอบกับเทคนิคของช่างฝีมือที่ได้สั่งสมประสบการณ์มาเป็นเวลายาวนานเพื่อเสนอความเอร็ดอร่อยเป็นที่พึงพอใจต่อลูกค้า" ท่าทีและแนวความคิดของคุณฟูจิคินั้น เป็นแนวความคิดแบบเดียวกันกับผู้ผลิตอาหารทั้งหลายในโกเบ เมื่อได้ลิ้มรสชาติอาหารของโกเบแล้วล่ะก็ความอร่อยก็จะเพิ่มทวีขึ้นไปอีก มาเที่ยวที่โกเบนี้โดยนั่งรถไฟจากโอซาก้ามาด้วยเวลาเพียง 30 นาที,จากเกียวโตใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าจะมาท่องเที่ยวแถบคันไซแล้วล่ะก็ ขอเชิญท่านเลยมาเที่ยวหาความประทับใจได้ที่โกเบแห่งนี้
IAMTOUR Expert Center Inter Group Co.,Ltd.
600/24 B-Square Rama9-Mengjai, BKK 10300
TEL 02-530-7200 EXT 117 (กุ๊กกิ๊ก) FAX 02-196-1916-8
www.iam-tour.com
สามารถคลิก!!ดูรายละเอียดโปรแกรมทัวร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น